Passive Modals

NokAcademy_ ม5 Passive Modals

สารบัญ

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.

สวัสดีค่านักเรียนชั้นม.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปดู ” Passive Modals ที่ใช้บ่อยพร้อมเทคนิคการใช้งานง่ายๆกันค่า Let’s go! ไปลุยกันเลยเด้อ

 

Passive Modals คืออะไร

 

NokAcademy_ ม5 Passive Modals (2)

Passive Modals หรือ Modal Verbs in the Passive Voice

คือ  Modal verbs ที่ถูกใช้ร่วมกับ โครงสร้างของ Passive Voice จึงถูกเรียกว่า Passive Modals
ดังนั้น โครงสร้างของ Passive Modals ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would,  may, might, can, could, must, ought to ตามด้วย be แล้วตามด้วย V.3 ที่เราจะได้รู้และทบทวนในบทความนี้นั่นเองค่า

Sit back, relax, and enjoy your lesson! ขอให้สนุกกับการเรียนน๊า

 

ตารางการใช้  Modals: Active Voice VS Passive Voice

NokAcademy_ ม5 Passive Modals (3)

ก่อนอื่นเราจะต้องรู้จักความหมายและข้อแตกต่างของ Active Voice กับ Passive Voice กันก่อนน๊า

Modals in the Active Voice

Modals in the Passive Voice

We can do it.
เราทำได้
It can be done.

สามารถทำได้

You could wash your plates.
คุณสามารถล้างจานของคุณ
Your plates should be washed.
ควรล้างจานของคุณ (จานของคุณควรได้ล้าง)
He might fix the computer.

เขาอาจจะซ่อมคอมพิวเตอร์

The computer might be fixed.
คอมพิวเตอร์อาจได้รับการซ่อม
Mr. Obama may make this call.

คุณโอบามาอาจโทรหา

This call may be made by (Mr. Obama).

สายนี้อาจจะโทรมาจากคุณโอบามา

Jennifer must submit her thesis today.

เจนนิเฟอร์ต้องส่งวิทยานิพนธ์ของเธอวันนี้

This thesis must be submitted today.

ต้องส่งวิทยานิพนธ์วันนี้

The secretary has to send the email.

เลขานุการต้องส่งอีเมล

That email has to be sent by the secretary.

เลขานุการต้องส่งอีเมลนั้น

James needed to write the thesis.

เจมส์จำเป็นต้องเขียนวิทยานิพนธ์

The thesis needed to be written by James.

วิทยานิพนธ์จำเป็นต้องเขียนโดยเจมส์

The doctor should inform a new patient.

แพทย์ควรแจ้งผู้ป่วยรายใหม่

 

A new patient should be informed by the doctor.

ผู้ป่วยรายใหม่ควรได้รับแจ้งจากแพทย์

 

 

มาดูความแตกต่างของ Present Passive VS Past Passive

 

NokAcademy_ ม5 Passive Modals (4)

ตารางด้านล่างได้จำแนกข้อแตกต่างผ่านโครงสร้าง และความหมาย ของ ” Present Passive  และ Past Passive” ไว้ 

ต้องดูก่อนน๊า

 Present Passive

Past Passive

 

โครงสร้าง: Modal + be + Past participle

โครงสร้าง:  Modal + have been + Past participle

It can be done.

สามารถทำให้สำเร็จได้

It could have been done.
มันเป็นไปได้ (แต่อาจไม่ได้ทำ)
Her clothes could be sold.

เสื้อผ้าของเธอสามารถขายได้

Her clothes could have been sold.

เสื้อผ้าของเธอสามารถขายได้ (แต่อาจไม่ได้ขาย)

The car might be fixed.

รถอาจจะซ่อมได้

The car might have been fixed, but the mechanic didn’t fix it.

รถน่าจะซ่อมได้แล้ว (แต่ไม่ได้ซ่อม)

A donation for Covid-19 may be made.

การบริจาคเงินช่วย Covid-19 นั้นอาจสามารถทำได้

A donation for Covid-19 may have been made if it won’t lock down.

อาจมีการบริจาคสำหรับโควิด-19 หากไม่ล็อคดาวน์

 

ทวนเรื่อง Passive Voice

 

NokAcademy_ ม5 Passive Modals (5)

 

นักเรียนอาจจะเคยได้เรียนมาบ้างแล้วว่า ในภาษาอังกฤษ  Passive voice ก็คือโครงสร้างที่ประธานถูกกระทำนั่นเอง ซึ่งโครงสร้างนี้แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนดังนี้ค่ะ Subject (ประธาน) + Verb to be (is, am, are, was, were) + Past participle (Verb 3)

หลักการใช้ Passive Voice

 

NokAcademy_ ม5 Passive Modals (6)

 

  1. เน้นไปที่ผู้รับผลของการกระทำนั้นๆ ก็คือประธานของประโยคนั่นเอง เช่น

Many kids were bullied on social media.
เด็กมากมายถูกบูลลี่บนโลกโซเซียลมีเดีย

  1. ไม่เน้นผู้กระทำเพราะไม่รู้ว่าผู้กระทำคือใคร

The previous prime minister was shot to death.

นายกรัฐมนตรีคนก่อนถูกยิงเสียชีวิต

3. เน้นผู้กระทำด้วยการเติม by + ชื่อผู้กระทำ เช่น

The dog was killed by the thug.
สุนัขถูกฆ่าโดยพวกอันธพาล

ปล. ในส่วนของ by นั้นไม่ต้องใส่ก็ได้นะคะหากไม่เน้นผู้กระทำ ไม่ผิดแกรมม่าแน่นอน เพราะเป็นเพียงส่วนขยายที่เน้นผู้กระทำนั่นเอง

การใช้ passive voice ในรูปประโยคต่างๆ เราสามารถใช้ passive voice ได้กับทุก tense อีกทั้งยังสามารถใช้กับ modal verb ต่างๆได้อีกด้วย (modal verb ก็อย่างเช่น can, could, may, might, must) โดยจะมีรายละเอียดด้านล่าง

 

โครงสร้าง Passive voice ใน 12 Tenses

 

NokAcademy_ ม5 Passive Modals (7)

 

Tense Structure
Present simple S + is/am/are + V.3
Present continuous S + is/am/are + being + V.3
Present perfect S + has/have + been + V.3
Present perfect continuous S + has/have + been + being + V.3
Past simple S + was/were + V.3
Past continuous S + was/were + being + V.3
Past perfect S + had + been +V.3
Past perfect continuous S + had + been + being + V.3
Future simple S + will + be + V.3
Future continuous S + will + be + being + V.3
Future perfect S + will + have + been + V.3
Future perfect continuous S + will + have + been + being + V.3

 

ตารางโครงสร้าง Passive Modals:
Subject+ Modal verbs + be + V.3

 

NokAcademy_ ม5 Passive Modals (8)

 

Subject (S)

I, you, we, they, he, she, it, Mike, Jenny

Modal verbs Modal verbs + be

V.3

(Past Participle)

Could could + be
May may + be
Might might + be
Shall shall + be
Should should + be
Will will +  be
Would would + be
Must must + be

 

 

ข้อควรรู้:

NokAcademy_ ม5 Passive Modals (11)


โครงสร้าง would + be+ V.3 จะใช้เพื่อแสดงการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต
ส่วนการใช้  Modal verbs พวก  must, can, will + be + V.3 จะแสดงความเป็นไปได้มาก

 

 

  • Can

Can แปลเป็นไทยได้ว่า สามารถ หรือ มีโอกาสที่จะ ดังนี้

บอกเล่า: It can be done.

แปล มันมีโอกาสสำเร็จได้

ปฏิเสธ: It cannot (can’t) be done.
แปล มันไม่สามารถสำเร็จได้

  • Will

will แปลว่า จะ ใช้บอกอนาคต  เพื่อแสดงถึงแนวโน้มของความเป็นไปได้มาก ในโครงสร้างประโยคบอกเล่า Subject + will + V. Infinitive และแสดงให้เห็นว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต จะมีบางอย่างกำลังดำเนินอยู่ในโครงสร้าง Subject + will + be + V. ing ของประโยค Future Continuous Tense

Dad: Mom will cook alone. 
แปล แม่จะทำอาหารคนเดียว

Daughter: That’s weird today.
แปล วันนี้แม่ดูแปลกๆ
Dad: But the whole next week’s menu must be cooked by you!
แปล แต่อาหารทั้งสัปดาห์หน้าลูกต้องเป็นคนทำนะ

 

  • Must

เราใช้ must เมื่อเรามั่นใจว่าบางสิ่ง ต้อง เกิดขึ้น หลัง must ตามด้วย V. Infinitive
+ Noun/Noun phrase แสดงถึงความมั่นใจมาก เช่น

Nanno: She must be a new student.
เธอต้องเป็นนักเรียนใหม่แน่ๆ

Yuri: And you must be Nanno.
และเธอก็คงเป็นแนนโนะสินะ

 

กริยาช่วยกลุ่มแสดงความเป็นไปได้ระดับปานกลางได้แก่ may, might, could, should + be + V.3

 

คำเหล่านี้เมื่ออยู่ในประโยคจะมีน้ำหนักของคำระดับปานกลาง และจะมีความหมายเหมือนกันซึ่งแปลว่า อาจจะ เช่น

The online class may be closed tomorrow.

พรุ่งนี้คลาสเรียนออนไลน์อาจจะปิด

  • Should

Should มีความหมายว่า น่าจะ หรือ ควรจะ เช่น

 

Jane should be called 3 hours ago.
เจนควรโดนเรียกไปแล้วตั้งแต่ 3 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

  • Could แสดงความเป็นไปได้น้อยมาก

Could นอกจากจะใช้เพื่อแสดงแนวโน้มของความเป็นไปได้ปานกลาง เช่น

William could be crashed by another car if he continued drinking while driving.

วิลเลียมอาจจะโดนรถคันอื่นชนได้ถ้าเขายังคงดื่มไปขับไป

  • Semi-modal: “ought to be + V.3”

การใช้ ought นี้จะแปลว่า “ควรจะ”  แปลเหมือน should มีหลักการใช้ดังตัวอย่างบทสนทนาด้านล่างนี้

 

 

ใช้แนะนำทั่วๆไป:

Cristiano Ronaldo ought to be kicked out of the team if he played unfair.
คริสเตียโน โรนัลโดควรถูกไล่ออกจากทีมถ้าเขาเล่นอย่างไม่ยุติธรรม

 

 

เทคนิคการใช้ Passive Modals

 

NokAcademy_ ม6 Passive Modals (2)

 

  • โครงสร้าง Subject + can, could, may, might + be + V.3
    ใช้แสดงความเป็นไปได้ และแนวโน้มของความเป็นไปได้  

  • โครงสร้าง  Subject + should be, ought to be + V.3
    เพื่อให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ
  • โครงสร้าง  Subject +must be+ V.3
    เพื่อบอก กฎข้อบังคับ  กติกา สิ่งจำเป็นที่ต้องทำ
  • โครงสร้าง  Subject +can, could, may, might, shall, will, would +be + V.3
    ใช้บอกมารยาททางสังคม การขออนุญาต แสดงความสุภาพ 


    แบบฝึกหัด

    NokAcademy_ ม5 Passive Modals (12)

Direction: Change the sentence from the active voice to the passive voice.
(คำสั่ง:จงเปลี่ยนประโยคจาก Active Voice เป็น Passive Voice)

  1. You have to clean your room.
  2. They should teach students.
  3. They may not deliver her food on time.
  4. Dad needs to mow the lawn.
  5. Someone could have warned him about his student debt.

 

NokAcademy_ ม5 Passive Modals (13)

 

 

เฉลยแบบฝึกหัด

 

  1. Your room has to be cleaned.
    แปล ห้องของคุณต้องได้ทำความสะอาด
  2. Students should be taught.
    แปล นักศึกษาควรได้รับการสั่งสอน
  3. Her food may not be delivered on time.
    แปล อาหารของเธออาจมาส่งไม่ตรงเวลา
  4. The lawn needs to be mown (by dad).
    แปล สนามหญ้านี้ต้องตัด (โดยคุณพ่อ)
  5. He could have been warned about his student debt.
    แปล เขาอาจได้รับคำเตือนเกี่ยวกับหนี้กู้ยืมเรียนของเขามามั้ง (แสดงความไม่แน่ใจ)

 

เมื่อจะต้องใช้ Passive Modals สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ “กริยาช่วยต้องตามด้วย + be + V.3” เพื่อให้เราสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง และคล่องมากๆแบบเจ้าของภาษากันจร้า อย่าลืมดูวีดีโอทบทวนบทเรียนในหัวข้อ วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.5 เรื่อง Passive Modals กันด้วยเด้อ เลิฟๆ

คลิกที่ปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกกันจร้า

https://youtu.be/6k36Lr9OH4E

NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย
มากไปกว่านั้น เรายังมีคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนพิเศษ การติวนอกสถานที่โดยติวเตอร์ที่แน่นไปด้วยความรู้ อีกด้วย

Add LINE friends for one click to find article. Add LINE friends for one click to find article.
ครูผู้สอน NockAcademy

แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้

สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ

แนะนำ

แชร์

พระอภัยมณี ความเป็นมาและเรื่องย่อของวรรณคดีที่ดีที่สุดตลอดกาล

น้อง ๆ หลายคนคงจะรู้จักวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี กันอยู่แล้วใช่ไหมคะ เพราะวรรณคดีที่แต่งโดยสุนทรภู่เรื่องนี้ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีชื่อเสียงมาก ๆ เป็นต้นแบบในการเขียนกลอนและยังถูกไปนำดัดแปลงเป็นละคร ภาพยนตร์ และเพลงอีกมากมาย แต่ทราบไหมคะว่าเรื่องพระอภัยมณีนั้นแท้จริงแล้วมีที่มาอย่างไร ถ้าอยากรู้แล้วเราไปศึกษาเรื่องนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ   พระอภัยมณี ความเป็นมา     พระอภัยมณีเป็นเรื่องที่สุนทรภู่แต่งขึ้นขณะติดคุกเพราะเมาสุราในสมัยรัชกาลที่ 2 ราว ๆ ปี พ.ศ.

เมทริกซ์

เมทริกซ์ และเมทริกซ์สลับเปลี่ยน

เมทริกซ์ เมทริกซ์ (Matrix) คือตารางสี่เหลี่ยมที่บรรจุตัวเลขหรือตัวแปร สามารถนำมาบวก ลบ คูณกันได้ เราสามารถใช้เมทริกซ์ในการการแก้ระบบสมการเชิงเส้นได้ซึ่งจะสะดวกกว่าการแก้แบบกำจัดตัวแปรสำหรับสมการที่มากกว่า 2 ตัวแปร ตัวอย่างการเขียนเมทริกซ์ เรียกว่าเมทริกซ์มิติ 3×3 ซึ่ง 3 ตัวหน้าคือ จำนวนแถว 3 ตัวหลังคือ จำนวนหลัก ซึ่งเราจะเรียกแถวในแนวนอนว่า แถว และเรียกแถวในแนวตั้งว่า หลัก และจากเมทริกซ์ข้างต้นจะได้ว่า

past tense

Past Tense ที่มี Time Expressions

สวัสดีน้องๆ ม. 2 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับ Past Tense และ Time Expressions ในประโยคดังกล่าว ถ้าพร้อมแล้วเราไปเริ่มกันเลยครับ

คติธรรมในสำนวนไทย

คติธรรม หมายถึง ธรรมที่เป็นแบบอย่าง เป็นวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับหลักการดำเนินชีวิตซึ่งได้มาจากหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหรืออาจเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมทางจิตใจอย่างหนึ่งที่คนไทยให้ความสำคัญอย่างมากและมักจะถูกสอดแทรกอยู่ในสื่อต่าง ๆ เพื่อปลูกฝังเด็กรุ่นใหม่ให้มีคติธรรมประจำใจ ไม่ว่าจะเป็นนิทานหรือสำนวนไทย สำหรับบทเรียนในวันนี้เราจะพาน้อง ๆ ไปเรียนรู้เรื่อง คติธรรมในสำนวนไทย มาดูกันค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง   สำนวนที่เกี่ยวกับคติธรรม   สำนวนไทยถือเป็นภูมิปัญญาในการใช้ภาษาไทยอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นถ้อยคำที่มิได้มีความหมายตรงไปตรงมาตามตัวอักษร หรือแปลตามรากศัพท์ แต่เป็นถ้อยคำที่มีความหมายเป็นอย่างอื่น ชวนให้ผู้อ่านได้คิด มีรูปแบบการใช้ภาษาที่ต้องผ่านการเรียบเรียงถ้อยคำ การรวมข้อความยาว ๆ ให้สั้น โดยนำถ้อยคำเพียงไม่กี่คำมาเรียงร้อย

ประโยคในภาษาไทย

ทริคสังเกต ประโยคในภาษาไทย รู้ไว้ไม่สับสน

  น้อง ๆ หลายคนคงจะเคยสับสนและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประโยคในภาษาไทยกันมาไม่มากก็น้อย ทำไมอยู่ดี ๆ เราถึงไม่เข้าใจประโยคภาษาไทยที่พูดกันอยู่ทุกวันไปได้นะ? แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ บทเรียนภาษาไทยในวันนี้จะพาน้อง ๆ กลับไปทบทวนเกี่ยวกับเรื่องประโยคอีกครั้ง พร้อมเรียนรู้เคล็ดลับการสังเกตประโยคง่าย ๆ จะเป็นอย่างไร ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ   ความหมายของประโยค   ประโยค เป็นหน่วยทางภาษาที่เกิดจากการนำคำหลาย ๆ คำ หรือกลุ่มคำ มาเรียงต่อกันอย่างเป็นระบบ มีความสัมพันธ์กัน

อนุกรมเลขคณิต

อนุกรมเลขคณิต

อนุกรมเลขคณิต อนุกรมเลขคณิต คือการนำลำดับเลขคณิตแต่ละพจน์มาบวกกัน โดย เขียนแทนด้วย จากบทความ “สัญลักษณ์การบวก” ซึ่งเป็นการลดรูปการเขียนจำนวนหลายจำนวนบวกกัน ในบทความนี้จะพูดถึงการบวกของลำดับเลขคณิต การหาผลบวก สูตรสำหรับการหาผลบวกเลขคณิต สูตรอนุกรมเลขคณิต สูตรของอนุกรมเลขคณิตมีอยู่ 2 สูตร ดังนี้ 1)   โดยที่ d คือ ผลต่างร่วม 2)   โดยจะใช้สูตรนี้ก็ต่อเมื่อรู้ค่า

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1 

โลโก้ NockAcademy

ทดลองฟรี!

เข้าใจได้ทันที NockAcademy ไลฟ์สดอันดับ 1